สิ่งแวดล้อม

เรามุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในห่วงโซ่คุณค่าของเราให้สอดคล้องกับเป้าหมายของอนาคตที่อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นไม่เกิน 1.5°C และเพิ่มความสามารถในการปรับตัวทางธุรกิจท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการพัฒนาแผนงานการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงการบูรณาการเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้ากับการดำเนินธุรกิจ และห่วงโซ่คุณค่า ตลอดจนการผนวกแนวคิดด้านความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินงาน กระบวนการตัดสินใจ และรูปแบบธุรกิจโดยรวมของบริษัทฯ

ลงทุนในนวัตกรรมและการดำเนินการ

- ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ที่โรงงานผลิตเครื่องดื่มทุกแห่งของไทยน้ำทิพย์ โคคา-โคล่า โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ขนาด 12.626 เมกะวัตต์พีค ลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 7,352 ตัน และลดการใช้พลังงานลงประมาณร้อยละ 3.7 ของปริมาณการใช้พลังงานรวมของบริษัทฯ  
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงานหลักคิดเป็นกว่าร้อยละ 10

- ระบบควบคุมเครื่องอัดอากาศ ระบบเครื่องอัดอากาศแบบนำความร้อนกลับมาใช้ใหม่ มอเตอร์ประสิทธิภาพสูง ลดการใช้พลังงานจาก 0.372 เมกะจูลต่อลิตร ในปี 2565 เหลือ 0.339 เมกะจูลต่อลิตร ในปี 2567

- ติดตั้งเทคโนโลยีเทเลเมติกส์ ในกองยานพาหนะขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ทำให้สามารถพัฒนาอัตราการใช้เชื้อเพลิงโดยรวมได้ถึงร้อยละ 34.1

- การฝึกอบรมพนักงาน  
สร้างความรู้และทักษะในการพัฒนากระบวนการผลิตและการกระจายสินค้าให้ พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พัฒนากระบวนการทำงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 
 

น้ำเป็นทรัพยากรหลักและเป็นวัตถุดิบสำคัญของผลิตภัณฑ์ของเรา การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพจึงถือเป็นหัวใจสำคัญของการยกระดับความเป็นเลิศในการดำเนินงานขององค์กร น้ำไม่ได้มีความสำคัญเฉพาะต่อกระบวนการผลิตเครื่องดื่มของบริษัทฯ เท่านั้น แต่ยังสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเปราะบางหรือเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนน้ำ เราจึงมุ่งมั่นที่จะลดปริมาณการใช้น้ำในทุกกระบวนการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในกระบวนการผลิต รวมถึงส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านการใช้น้ำอย่างรับผิดชอบตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน

- นำเทคโนโลยีและแนวปฏิบัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมาใช้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 บริษัทฯ สามารถลดปริมาณการใช้น้ำทั้งหมดในโรงงาน ประมาณร้อยละ 4.1 จากปี 2565 โดยสามารถประหยัดน้ำได้ถึง 192.6 ล้านลิตร นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ สามารถลดการใช้น้ำในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มในประเทศไทยลงประมาณร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับปี 2566 และสามารถประหยัดน้ำได้ถึง 382.9 ล้านลิตรตลอดทั้งปี  

 

 
- ยึดมั่นในการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในทุกพื้นที่ที่ดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะข้อกำหนดด้านการบำบัดและการปล่อยน้ำเสีย เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของบริษัทฯ จะไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ 

 

เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำจะยังคงเป็นทรัพยากรที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนทั้งในปัจจุบันและอนาคต บริษัทฯ คำนึงถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการสร้างประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสังคม และร่วมปกป้องแหล่งน้ำและการคืนน้ำกลับคืนสู่แหล่งชุมชนและธรรมชาติผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตร ซึ่งครอบคลุมถึงการทำความเข้าใจ การติดตาม และการจัดการความเสี่ยงและผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำ

ไทยน้ำทิพย์ โคคา-โคล่า มุ่งมั่นในการออกแบบบรรจุภัณฑ์หลักของเรา โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรชีวิตของบรรจุภัณฑ์ ส่งเสริมความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการของเสียภายในองค์กร โดยมุ่งเน้นการใช้วัสดุที่มาจากการรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์หลัก สนับสนุนการเก็บบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วเพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลลดปริมาณของเสียที่เกิดขึ้นภายในกระบวนการผลิตของเราและการลดอัตราของเสียที่ถูกส่งไปยังหลุมฝังกลบ

เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว เราดำเนินการผ่านแนวทางหลัก 4 ประการ ได้แก่ 
 

1. ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีน้ำหนักเบาลง (Lightweighting) เพื่อใช้วัสดุอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน   

  
ปี 2552 ถึงปี 2567 สามารถปรับลดน้ำหนักขวดพลาสติกขนาด 1.25 ลิตร สำหรับเครื่องดื่มอัดลมได้ถึงร้อยละ 10.5 และขวดน้ำดื่มตราน้ำทิพย์ขนาด 550 มิลลิลิตรได้ถึงร้อยละ 35.0 ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดการใช้พลาสติกใหม่ได้โดยรวมถึงร้อยละ 13.8 ในช่วงเวลาดังกล่าว   
  


2. ออกแบบบรรจุภัณฑ์หลักให้สามารถรีไซเคิลได้และเพิ่มสัดส่วนการใช้วัสดุรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์หลัก   
ฝ่ายคุณภาพ ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และบรรจุภัณฑ์ (Quality, Safety, Environment, and Packaging: QSE & Packaging) มีบทบาทสำคัญในการผลักดันนวัตกรรมและการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืนมุ่งลดการใช้วัสดุให้น้อยที่สุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนควบคู่กับการส่งเสริมด้านความยั่งยืน

3. สนับสนุนการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคเพื่อสร้างระบบวงจรบรรจุภัณฑ์หมุนเวียน (Packaging Circularity)   
- ร่วมมือกับ บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด และพันมิตรเครือข่ายภายใต้แคมเปญ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับแทรช ลัคกี้ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับคุณค่าและวิธีการคัดแยกบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคภายในครัวเรือน พร้อมสร้างแรงจูงใจผ่านรูปแบบการให้แต้มสะสมและการลุ้นรางวัลจากการนำบรรจุภัณฑ์ที่คัดแยกแล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลผ่านเครือข่ายจุดรับต่าง ๆ   
- กระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคปรับรูปแบบฉลากบรรจุภัณฑ์ให้มีการระบุข้อความ “โปรดรีไซเคิล” สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำอัดลมทุกแบรนด์

 
4. สร้างความร่วมมือกับผู้นำในอุตสาหกรรม ผู้กำหนดนโยบายและทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ (Partnerships on Post-Consumer Packaging)   
- ร่วมมือกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ในการจัดเก็บบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วประเภทต่างๆ ร่วมกับสมาชิก PRO-Thailand Network

บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายให้บรรจุภัณฑ์หลักทั้งหมดสามารถรีไซเคิลได้ภายในปีพ.ศ. 2568 พร้อมเพิ่มสัดส่วนการนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยนอกเหนือจากกระป๋องอลูมิเนียมซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้และมีสัดส่วนวัสดุรีไซเคิลสูง ยังส่งเสริมการใช้วัสดุรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดพลาสติก (Polyethylene Terephthalate: PET) เพื่อสนับสนุนการหมุนเวียนการใช้ขวดพลาสติกอย่างยั่งยืนเริ่มต้นในปี 2566 ไทยน้ำทิพย์ โคคา-โคล่า เปิดตัวผลิตภัณฑ์โค้กในขวดที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล (Recycled PET Bottle: rPET) แบบร้อยละ 100 (ยกเว้นฝา และฉลาก) สำหรับโค้กสูตรน้ำตาลดั้งเดิมและสูตรไม่มีน้ำตาลขนาด 1 ลิตร และในปี 2567 ได้ขยายการใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิลไปยังโค้กขนาด 300 มิลลิลิตร และ 510 มิลลิลิตร